เรียนสายศิลป์ แต่อยากเป็นหมอต้องทำยังไง ?

มีน้องๆถามเข้ามาใน inbox กันค่อนข้างมากเลยว่า ถ้าน้องเรียนสายศิลป์มาแล้วอยากจะเรียนหมอต้องทำยังไงบ้าง? หรือ พลาดเลือกสายการเรียนผิดมารู้ตัวอีกทีก็อยากจะเรียนหมอแล้ว  วันนี้พี่มีวิธีมาแนะนำน้องๆที่ทำให้น้องสามารถได้เรียนหมอตามที่ตั้งใจได้ 
ถึงจะเป็นเด็กสายศิลป์ แต่อยากเรียนหมอก็สามารถเข้าคณะแพทยศาสตร์ได้ แต่ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดว่า มีเปิดรับสมัครรอบไหนบ้าง คะแนนที่ใช้มีอะไรบ้าง รู้เพื่อเตรียมตัวสมัครสอบให้ถูกต้อง ที่สำคัญคือ สายศิลป์ เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้เน้นการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เข้มข้นเท่าสายวิทย์ ดังนั้นถ้าอยากเข้าแพทย์ต้องมั่นใจว่า เรามีความรู้และความสามารถที่จะเรียนด้านนี้จริง ๆ ถึงจะเรียนและสอบได้ ถ้ามั่นใจว่ามีพื้นฐานตรงนี้ดี แม้จะเป็นเด็กศิลป์ก็สามารถล่าฝันอนาคตหมอได้เช่นกัน แต่อาจต้องใช้ความพยายามค่อนข้างสูงมากๆ แต่ถ้าน้องๆอยากจะเรียนหมอจริงๆ หรือ อยากทำตามความฝัน ก็ต้องขยันและทุ่มเทกันตั้งแต่วันนี้เลยนะคะ ยังไม่สายเกินไปค่ะ สู้ๆ 




1. วิชาเฉพาะ กสพท หรือ วิชาความถนัดแพทย์
ใช้กับการรับของ กสพท หรือ กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย เป็นการรับหลักของกลุ่มคณะแพทยศาสตร์ อยู่ในรอบที่ 3 (มีการเปิดสอบทั้งวิชาเฉพาะแพทย์ และวิชาสามัญ) เพื่อใช้คะแนนยื่นสมัครเข้าคณะแพทยศาสตร์ ปัจจุบันเปิดให้เด็กสายวิทย์ สายศิลป์ สายศิลป์สังคม ฯลฯ (ไม่จำกัดแผนการเรียน) สามารถสมัครสอบได้ ใครรู้ตัวว่าอยากเป็นหมอแต่อยู่สายศิลป์ ก็สามารถเตรียมตัวมาสอบวิชาเฉพาะแพทย์ได้
ใช้เป็นสัดส่วนน้ำหนักคะแนน 30% ประกอบด้วย 3 PART
1. ลักษณะข้อสอบจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอนุกรมและการทดสอบเชาว์ กลุ่มมิติสัมพันธ์ กลุ่ม MATH ม. ต้น + ม. ปลาย ทั่วไป
2. จริยธรรมทางการแพทย์ (ไม่มีสอนในห้องเรียน)
3. คล้าย ๆ กับ GAT เชื่อมโยง แต่จะมีความซับซ้อนกว่า


 

2. วิชาสามัญ 

          เด็กสายศิลป์ที่อยากเข้าแพทย์ ก็สามารถสมัครสอบวิชาสามัญได้เช่นกัน โดยเลือกสมัครสอบในวิชาที่กำหนดใช้ในเกณฑ์การเข้าคณะแพทยศาสตร์ มีวิชาอะไรบ้างที่ต้องใช้ ก็เลือกสอบในวิชานั้น ๆ 
ใช้ 7 วิชา ในสัดส่วนน้ำหนักคะแนน 70% ได้แก่
1. วิชาวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) 40%
2. คณิตศาสตร์ 1 20%
3. ภาษาไทย 10%
4. ภาษาอังกฤษ 20%
5. สังคมศึกษา 10%
แต่ละกลุ่มสาระวิชาจะต้องมีคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ ร้อยละ 30 ของคะแนนเต็ม



3.ต้องขยันอ่านหนังสือเพิ่มอีก 2-3 เท่า
เนื่องจากน้องๆที่เรียนสายศิลป์ไม่ได้เรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ 
อย่างจริงจัง เหมือนน้องๆสายวิทย์ ในระยะเวลา 3 ปี 
ทำให้ต้องขยันและตั้งใจกว่าเพื่อนๆสายวิทย์หลายเท่า


เข้าแพทย์รอบไหนได้บ้าง

TCAS รอบ 1 : Portfolio

          รอบนี้ยังคงรับสมัครเด็กที่มีความสามารถและมีผลงานดีเด่น เช่น โครงการโอลิมปิกวิชาการ, โครงการที่เน้นความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เป็นต้น แต่บางมหาวิทยาลัยเปิดกว้างให้กับเด็กสายศิลป์เช่นกัน โดยเปิดรับเด็กที่ความสามารถในสาขาอื่น ๆ ซึ่งแต่ละที่จะเปิดรับด้านไหนบ้าง ควรศึกษาจากระเบียบการแต่ละโครงการของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ 

           นอกจากนี้บางที่ยังเปิดรับคนที่มีความถนัดทางด้านภาษาอังกฤษ โดยพิจารณาคะแนน BMAT , TOEFL , IELTS , SAT เป็นต้น เด็กสายศิลป์ ที่มีคะแนนสอบในวิชาเหล่านี้ สามารถยื่นสมัครได้ 

 

TCAS รอบ 2 : รอบโควตา

          เป็นรอบโควตาที่มหาวิทยาลัยในแต่ละภาค เปิดสอบแข่งขันเพื่อคัดนักศึกษา ตามเกณฑ์ที่ต่างกัน อยากเข้าที่ไหนต้องศึกษาระเบียบการให้ดี ที่สำคัญต้องมีคะแนนสอบตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด หากมหาวิทยาลัยไหนกำหนดสอบเพิ่มเติม ก็ต้องเตรียมความพร้อมให้ดี เพื่อไปสู้กับผู้สมัครสายวิทย์ ที่เป็นตัวเก็งในคณะแพทยศาสตร์

 

TCAS รอบ 3 (ใช้คะแนน กสพท)

          เป็นรอบสำคัญของแข่งขันสมัครเข้าแพทย์ จะมีโอกาสติดมากขึ้น แต่คู่แข่งก็เยอะเช่นกัน ฉะนั้นหากอยากติดในรอบนี้ ควรทำคะแนนสอบที่ใช้ในระบบของกสพท ให้ดี (วิชาเฉพาะแพทย์และวิชาสามัญ) เพื่อเพิ่มโอกาสติด

 

TCAS รอบ 4 : รับตรงอิสระ 

          รอบนี้เป็นรอบที่คาดเดาได้ยากว่า จะมีมหาวิทยาลัยไหนเปิดรับสมัครบ้าง เพื่อป้องกันความผิดพลาด ควรเตรียมตัวเองให้ติดในรอบที่ 1 - 3 จะแน่นอนที่สุด

          แม้ว่าเด็กสายศิลป์จะสามารถสมัครสอบเข้าคณะแพทย์ได้ในหลายรอบ เช่นเดียวกับเด็กสายวิทย์ แต่โดยส่วนมากแล้ว TCAS รอบที่ 1 - 2 ถึงจะมีเปิดพื้นที่ให้เด็กสายศิลป์ แต่ก็ยังมีจำกัดแค่บางโครงการเท่านั้น ใครอยากเข้าในรอบนี้ คงต้องศึกษาระเบียบการกันอย่างละเอียดมาก ๆ 

         



ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.trueplookpanya.com/tcas/article/detail/87691 และ https://www.admissionpremium.com/content/5028